Last updated: 25 พ.ค. 2567 | 130 จำนวนผู้เข้าชม |
การบริหารความเสี่ยง คืออะไร?
การบริหารความเสี่ยง เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้เข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงาน และสามารถวางแผนการจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในการทำงานก่อสร้าง อีกทั้งยังช่วยลดผลกระทบต่องานและผู้คนได้อีกด้วย
ดังนั้น การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรละเลยในการทำงานก่อสร้าง
6 ขั้นตอนในการบริหารความเสี่ยง มีดังนี้
- การระบุความเสี่ยง
- การจัดลำดับความเสี่ยงตามความสำคัญ
- การกำหนดเทคนิคตอบสนองต่อความเสี่ยง
- การดำเนินการตามแผน
- การสร้างแผนฉุกเฉิน
- การปรับปรุงและแก้ไข
การระบุความเสี่ยง
ในการจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยงในงานก่อสร้างนั้น ก่อนอื่นจะต้องระบุปัจจัยที่อาจเป็นอันตรายต่อโครงการมากที่สุด
แหล่งที่มาของความเสี่ยงที่เกิดและพบได้บ่อย มีดังนี้
1. ความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัย
เป็นความเสี่ยงที่มาจากการก่อสร้างที่อาจส่งผลให้ผู้ที่ทำงานเกิดอันตรายได้
2. ความเสี่ยงทางด้านการเงิน
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการไหลเวียนทางการเงินของคุณ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ การขายที่มีัญหา การแข่งขันกันระหว่างบริษัท ฯลฯ
3. ความเสี่ยงทางด้านกฎหมาย
ข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในการปฏิบัติตามสัญญากับลูกค้า
4. ความเสี่ยงทางด้านโครงการ
อาจเกิดขึ้นได้จากการจัดการทรัพยากรที่ไม่ดี การคำนวณเวลาที่ผิดพลาด การเข้าใจผิดในการส่งมอบโครงการ
5. ความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อม
ปัจจัยที่มาจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว และปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่สามารถส่งผลต่อการก่อสร้างได้
การจัดลำดับความเสี่ยงตามความสำคัญ
หลังจากระบุความเสี่ยงแล้ว การจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงนั้น ถือเป็นสิ่งที่ควรทำ ควรพิจารณาผลกระทบและโอกาสของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยความเสี่ยงที่มีผลกระทบสูงควรถูกพิจารณาก่อนเสมอ ตัวอย่างเช่น
การกำหนดเทคนิคตอบสนองต่อความเสี่ยง
เมื่อพิจารณาลำดับความสำคัญแล้ว ก็จำเป็นจะต้องเลือกเทคนิคการตอบสนองต่อความเสี่ยงให้เหมาะสม
เทคนิคถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงความเสี่ยง
หากคุณรู้สึกไม่พร้อมที่จะจัดการความเสี่ยงหรือไม่มีแผนรองรับไว้อย่างเหมาะสม ตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือ 'การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง' เช่น หลีกเลี่ยงพื้นที่ก่อสร้างที่มีแนวโน้มจะเกิดน้ำท่วมหรือแผ่นดินไหว
2. โอนถ่ายความเสี่ยง
การใช้เทคนิคนี้อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ยังดีกว่าการยอมรับความเสี่ยงไปเลย เช่น คุณสามารถโอนความเสี่ยงไปให้บริษัทประกันภัยหรือทำข้อตกลงกับผู้รับเหมาเพื่อลดความเสี่ยง
3. บรรเทาความเสี่ยง
คุณสามารถทำการฝึกอบรมพนักงานให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์และวางแผนลดความเสี่ยงเพื่อให้ส่งผลกระทบต่องานต่ำที่สุด
4. ยอมรับความเสี่ยง
ในบางครั้งเราก็ต้องเผชิญความเสี่ยงเพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วง เช่น ยอมรับว่าโครงการจะสำเร็จล่าช้าเนื่องจากสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ หรือยอมรับ
การดำเนินการตามแผน
เมื่อคุณได้ทำการวางแผนและระบุความเสี่ยงต่าง ๆ ไว้แล้ว ก็พร้อมที่จะดำเนินงานตามแผนการ และควรวางแผนรองรับความเสี่ยงเพิ่มเติมที่จะสามารถเสริมสร้างเทคนิคการตอบสนองความเสี่ยงของคุณไว้ด้วย
สิ่งสำคัญ คือ คุณต้องจำไว้ว่าการแก้ปัญหาความเสี่ยงสามารถส่งผลกระทบต่อบริษัทของคุณได้เสมอ
3 วิธีการวางแผนรองรับ มีดังนี้
การปรับปรุงและแก้ไข
แม้ว่าความเสี่ยงทั้งหมดจะได้รับคำนวณแล้ว แต่ความเสี่ยงก็ยังสามารถเกิดได้ทุกเมื่อ เนื่องจากบางความเสี่ยงมาจากปัจจัยที่ไม่ทราบสาเหตุ การตรวจสอบและแก้ไขแผนการที่วางไว้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการทำงานของคุณ
ประโยชน์ของการบริหารความเสี่ยง
27 พ.ค. 2567
27 พ.ค. 2567
27 พ.ค. 2567
10 ก.ย. 2567